วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

Traditional web หรือ Rich Internet web

ก่อนหน้านี้เว็บส่วนมากจะไม่มีลูกเล่นพิเศษ การกด Link หรือกดปุ่มใดๆ จะมีการ Refresh ทั้งหน้าจอเสมอ ซึ่งผมมองว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เว็บง่าย ทั้งการทำความเข้าใจได้เร็วและโอกาสที่จะเดาการทำงานผิดก็น้อยด้วย ผมจะเรียกเว็บแบบนี้ว่า Traditional web 

ส่วนเว็บในปัจจุบันที่สามารถทำหลายอย่างได้ในหน้าเดียว ตัวเว็บสามารถ refresh ได้เป็นจุดๆ สามารถ double click, drag & drop, right click ได้ เหมือนกับการยก Desktop Application มาไว้บนเว็บ บางทีเราเลยเรียกว่า Web Desktop Class Application หรือในที่นี้เราจะเรียกมันว่า Rich Internet Application 

ภาพเปรียบเทียบ Traditional web เทียบกับ Rich Internet App

RIA หรือ Rich Internet Application เติบโตมาจากเทคโนโลย Java Applet, Flash, SVG จนปัจจุบันเทคโนโลยี และมาตรฐานของ HTML/HTML5 พัฒนาขึ้นมาจนเราไม่ต้องใช้ plugin ทั้งสามตัวที่กล่าวมาก็สามารถทำ RIA ได้ ทำให้ผู้ใช้สะดวกสะบายขึ้นมาก เพราะไม่ต้องลงโปรแกรมเสริม

เมื่อความลำบากของผู้ใช้ลดลง สิ่งที่ขวางไม่ให้ใช้ RIA ก็น้อยลง เราสามารถใช้ RIA กับเว็บของเราได้ทันที การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับว่า RIA เหมาะกับ Web ของเราหรือเปล่า?

ตัวอย่าง RIA จาก framework cappuccino

แนวทางง่ายๆ ในการเลือก ให้พิจารณาจากความต้องการของผู้ใช้และลักษณะของ web ของเราเป็นหลัก ถ้ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็น Home use ความง่ายจะมาเป็นอันดับหนี่ง ผู้ใช้สามารถรอได้ สามารถ click หลายครั้งได้ ถ้ามันทำให้ง่ายขึ้น พวกนี้เราจะใช้ Traditional  web

แต่สำหรับให้มืออาชีพใช้ เช่น นักบัญชีมืออาชีพ นักออกแบบมืออาชีพ นักทำ presentation มืออาชีพ พวกนี้ความง่ายเป็นรอง ความรวดเร็วในการสร้างงาน จะมาก่อน คนกลุ่มนี้ยินดีแลกเวลาในการเรียนรู้กับเวลาในการทำงาน ดังนี้เราสามารถทำ web ให้ใช้งานยากได้ จึงเหมาะกับพวก RIA ครับ

ก่อนพัฒนาขอให้แน่ใจว่าเราเลือกรูปแบบการพัฒนา ให้เข้ากับผู้ใช้ของเราแล้ว และคุณลักษณะของโปรแกรมของเราแล้ว จึงค่อยเริ่มงานพัฒนานะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น